By socceramic 
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า (Pep Guardiola) เผยว่าการนอนของเขาแย่ลงระหว่างที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (Manchester City) กำลังเผชิญวิกฤตที่ลึกขึ้น และคงไม่ช่วยให้ดีขึ้นหลังจากจบเกมที่พ่ายแพ้อย่างน่าตกใจที่สุดครั้งหนึ่งในช่วงการคุมทีมอันยาวนานของเขา กวาร์ดิโอล่า (Guardiola) ดูกระวนกระวาย มีท่าทางกระสับกระส่าย และเครียดแม้หลังจากที่ ซิตี้ (City) นำในเกมแมนเชสเตอร์ เดอร์บี้ (Manchester Derby) จากประตูของ จอสโก้ กวาร์ดิโอล (Josko Gvardiol) ในนาทีที่ 36 ปฏิกิริยาของเขาต่อประตูนี้แทบจะเป็นการดูถูกว่ามันเกิดจากการครอสที่เปลี่ยนทิศทาง แทนที่จะเป็นไปตามสไตล์บริสุทธิ์ของเขา ในช่วงเวลาที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (Manchester City) กำลังเผชิญกับวิกฤตครั้งใหญ่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า (Pep Guardiola) กุนซือผู้เคยพาทีมประสบความสำเร็จมาแล้วมากมาย กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งสำคัญในการสร้างทีมขึ้นมาใหม่ หลังจากพ่ายแพ้ให้กับคู่ปรับร่วมเมืองอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (Manchester United) ในเกม แมนเชสเตอร์ เดอร์บี้ (Manchester Derby) ที่ผ่านมา
การพ่ายแพ้ครั้งนี้ไม่ใช่แค่การแพ้ธรรมดา แต่เป็นการพ่ายแพ้ที่สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาที่ฝังรากลึกในทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (Manchester City)
ทีมที่เคยเป็นทีมที่น่าเกรงขามที่สุดในพรีเมียร์ลีก (Premier League) กำลังสูญเสียความน่ากลัวไป ทีมที่เคยทำให้คู่แข่งยอมแพ้ตั้งแต่ก่อนเริ่มเกม กลับกลายเป็นทีมที่คู่แข่งมองเห็นช่องโหว่และโอกาสในการเอาชนะ กวาร์ดิโอล่า (Guardiola) เองก็ยอมรับถึงความล้มเหลวนี้อย่างตรงไปตรงมา “ผมยังไม่ดีพอ ผมเป็นหัวหน้า ผมเป็นผู้จัดการทีม ผมต้องหาทางแก้ไข hillapple และจนถึงตอนนี้ผมยังทำไม่ได้ นั่นคือความจริง” คำพูดที่สะท้อนถึงความรับผิดชอบและความกดดันที่กำลังทับถมอยู่บนบ่าของกุนซือชาวสเปน ปัญหาของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (Manchester City) ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในลีกเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการแข่งขันในศึก แชมเปียนส์ ลีก (Champions League) ด้วย การพ่ายแพ้ให้กับ ยูเวนตุส (Juventus) ในเกมที่ ตูริน (Turin) ยิ่งตอกย้ำว่าทีมกำลังประสบปัญหาอย่างหนัก hillapple หนึ่งในปัญหาสำคัญคือการที่ทีมถูกปล่อยให้แก่เกินไปพร้อมๆ กัน นักเตะหลายคนที่เคยเป็นกำลังสำคัญกำลังเข้าสู่ช่วงท้ายของอาชีพ ความหิวในชัยชนะที่เคยมีอย่างไม่มีที่สิ้นสุดดูเหมือนจะจางหายไป และสิ่งที่น่ากังวลที่สุดคือคู่แข่งเริ่มรู้วิธีรับมือกับรูปแบบการเล่นของทีม
การบาดเจ็บของผู้เล่นคนสำคัญอย่าง โรดรี้ (Rodri) และ จอห์น สโตนส์ (John Stones) ถูกมองว่าเป็นสาเหตุหนึ่งของฟอร์มที่ตกลง
แต่ กวาร์ดิโอล่า (Guardiola) เองก็ยอมรับว่านี่ไม่ใช่ข้ออ้างสำหรับการที่ทีมมีผลงานย่ำแย่ขนาดนี้ ความท้าทายที่ กวาร์ดิโอล่า (Guardiola) กำลังเผชิญไม่ใช่แค่การปรับปรุงทีมให้กลับมาแข็งแกร่งเหมือนเดิม แต่เป็นการสร้างทีมขึ้นมาใหม่ทั้งหมด การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อาจต้องรอจนถึงฤดูร้อน แต่สิ่งที่น่ากังวลคือโอกาสในการป้องกันแชมป์พรีเมียร์ลีก (Premier League) ที่ดูจะริบหรี่ลงทุกที เมื่อทีมตามหลังจ่าฝูงอย่าง ลิเวอร์พูล (Liverpool) ถึง 9 คะแนน และยังแข่งมากกว่าหนึ่งนัด การสร้างทีมใหม่ครั้งนี้จำเป็นต้องคำนึงถึงหลายปัจจัย ทั้งการเสริมผู้เล่นใหม่ที่มีคุณภาพ การพัฒนานักเตะดาวรุ่ง และการรักษาสมดุลระหว่างประสบการณ์กับพลังของคนรุ่นใหม่ กวาร์ดิโอล่า (Guardiola) จำเป็นต้องสร้างทีมที่ไม่เพียงแต่เล่นได้สวยงามตามปรัชญาของเขา แต่ยังต้องมีความแข็งแกร่งและความเด็ดขาดในช่วงเวลาสำคัญด้วย หนึ่งในสิ่งที่น่าสนใจคือการที่ กวาร์ดิโอล่า (Guardiola) พูดถึงการ “อยู่รอด” ในฤดูกาลนี้ คำพูดที่แทบจะไม่เคยได้ยินจากกุนซือที่ประสบความสำเร็จมากมาย แต่มันสะท้อนให้เห็นถึงความจริงที่ว่าแม้แต่ทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็ต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก อย่างไรก็ตาม ประวัติศาสตร์ได้พิสูจน์แล้วว่า กวาร์ดิโอล่า (Guardiola) คือหนึ่งในกุนซือที่เก่งที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอล เขาเคยพาทีมผ่านพ้นวิกฤตมาแล้วหลายครั้ง ทั้งที่ บาร์เซโลน่า (Barcelona) และ บาเยิร์น มิวนิค (Bayern Munich) คำถามสำคัญคือเขาจะสามารถทำแบบเดียวกันได้อีกครั้งที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (Manchester City) หรือไม่
การสร้างทีมใหม่ครั้งนี้อาจเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาชีพการคุมทีมของ กวาร์ดิโอล่า (Guardiola) แต่มันก็เป็นโอกาสที่จะพิสูจน์ว่าเขายังคงเป็นหนึ่งในกุนซือที่ดีที่สุดในโลก การกลับมาของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (Manchester City) จะเป็นอย่างไร และ กวาร์ดิโอล่า (Guardiola) จะสามารถสร้างทีมให้กลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้งหรือไม่ นี่คือเรื่องราวที่น่าติดตามในฤดูกาลนี้และฤดูกาลหน้า
สิ่งที่แน่นอนคือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (Manchester City) กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญ และการตัดสินใจของ กวาร์ดิโอล่า (Guardiola) ในช่วงเวลานี้จะกำหนดอนาคตของทีมในหลายปีข้างหน้า แฟนบอลและคนในวงการฟุตบอลต่างจับตามองว่าเขาจะรับมือกับความท้าทายนี้อย่างไร และจะสามารถพาทีมกลับมาประสบความสำเร็จได้อีกครั้งหรือไม่ ท้ายที่สุด การสร้างทีมใหม่ครั้งนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของการเปลี่ยนตัวผู้เล่นเท่านั้น แต่เป็นการสร้างวัฒนธรรมการเล่นและความมุ่งมั่นในการประสบความสำเร็จขึ้นมาใหม่ทั้งหมด นี่คือความท้าทายที่แท้จริงที่ กวาร์ดิโอล่า (Guardiola) และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (Manchester City) กำลังเผชิญอยู่